ขับ NETA V ไปชิล ๆ

เขื่อนขุนด่านปราการชล-นครนายก

 

ในส่วนของกิจกรรมการขับขี่ เนต้า วี ของบริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด สำหรับอะคาร์นับเป็นครั้งแรก ที่ได้ทดลองขับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% เนต้า วี ตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2565 เนต้า วีเป็นนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยในราคาที่ทุกคนเป็นเจ้าของได้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กรคือ “สรรสร้างนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า…เพื่อทุกคน 

  

 

หลังจากภาครัฐได้ให้การสนับสนุนทำให้ราคาจำหน่ายของเนต้า วี อยู่ที่ 549,000 บาท ถือเป็นราคาที่จับต้องได้ง่าย ผู้บริโภคไทยเองก็เปิดรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น กอปรกับราคาน้ำมันก็ถีบตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่มหกรรมยานยนต์ปลายปี 2565 ยอดจองของเนต้า วี มากถึง 10,000 คัน ณ ปัจจุบันทยอยส่งอย่างต่อเนื่อง แม้จะช้ากว่ากำหนดไปบ้าง เนื่องจากการขาดซัพพลายเชน แต่ลูกค้ายังคงรอ ด้วยความเป็นซิตี้ คาร์ ราคาสบายกระเป๋า อีกทั้งออพชั่นที่ให้มาก็ไปวัดไปวาได้ เลยยังไม่มีใครเปลี่ยนใจไปง่าย ๆ  

  

 

กลับมาถึงกิจกรรมขับขี่ในครั้งนี้ เราได้ขับขี่เส้นทางกรุงเทพฯ- นครนายก ระยะทาง 200 แก่ ๆ เกือบ 300 กม. เรียกว่าได้ใช้พลังงานแบตเตอรี่เต็มกำลัง ขบวนของเราขับกินลม ชมวิว โดยสตาร์ทกันที่ เนต้า รามคำแหงของกลุ่มบีอาร์จี ซึ่งเป็นดีลเลอร์ ลำดับต้นๆของเนต้า ทริปเรามีรถ 5 คัน สีสันมาครบ มีสื่อ 10 สังกัด เป็นกลุ่มก้อนกำลังดี ขยับง่าย ไม่เยอะ  

  

 

ทริปนี้ดิช้านมีบัดดี้เป็นหนุ่ม ๆ บ้าง ปกติน้อง ๆ จะจัดให้ขับกับสาว ๆ ดังนั้นการขับขี่ช่วงต้นปล่อยให้ผู้ชายได้แสดงศักยภาพก่อน 555 พี่เอ-กรังด์ปรีซ์ เป็นมือแรกขับจากโชว์รูมรามคำแหงไปจุดหมายเขื่อนขุนด่านปราการชล จากสตาร์ทเราใช้ทางด่วนฉลองรัช ต่อมาวงแหวนกาญจนาพิเศษ ผ่านด่านลงรังสิต-นครนายก ขับไป ถกไป หัวเรื่องที่เราเสวนาตลอดเส้นทางเป็นตลาดรวมของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่ตอนนี้มีหลากหลายยี่ห้อ คุยข้อดี ข้อเสีย เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์สันดาป ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าอย่างไร เราก็จำเป็นต้องปรับพฤติกรรมการใช้รถยนต์พลังงานสันดาปมาเป็นพลังงานไฟฟ้าแน่นอน 

  

 

กลับมาพูดถึงน้องโลมา เนต้า วี กับระยะทางยาว ๆ ในทัศนะผู้โดยสาร น้องให้ความรู้สึกนุ่มนวล ในสภาพถนนราบเรียบถือว่าดีเป้นจุดดี แต่ความนุ่มนวลแบบนี้ ในถนนขรุขระ เป็นหลุม เป็นบ่อ มีการก่อสร้างทำถนนเป็นระยะ อีกทั้งยังมีลูกระนาดเป็นบางช่วง รู้สึกว่าน้องโลมาจะพริ้วไหวเกินไป ดังนั้นเส้นทางไกล ๆ นั้นจะไม่เหมาะกับน้อง แต่ไม่ใช่ว่าจะใช้น้องเส้นทางต่างจังหวัดไม่ได้ ได้คับ แต่ควรรับสภาพอาการตรูดสะบัดของน้องสักนิด ถือว่าไม่น่าเกลียด แต่ก็เป็นข้อควรระวังในการขับขี่ เมื่อขับมาถึงเขื่อนขุนด่านฯ ลืมบอกไปพี่เอ ขับช่วงต้นมาในโหมด ปกติ Normal กดคันเร่งเต็มเท้าได้สูงสุดที่ 110-111 โหมดนี้ไม่เหมาะเท่าไหร่ จะทำให้การเร่งแซงเหนื่อยหอบ โหมดปกติ ขับในเมืองดีกว่า 

  

 

ต่อเมื่อเรามีโอกาสใช้รถออกนอกเมืองต้องเปลี่ยนไปใช้โหมดสปอร์ต S ดีกว่า จะทำให้เราดันคันเร่งได้กำลังสูงสุด 124-125 ซึ่งพอมีกำลังให้ผู้ขับกล้าตัดสินใจเทคเพื่อแซง พอได้ลองขับขี่กัน หอมปาก หอมคอ เราก็พักเติมแบตเตอรี่ใส่ท้องกันสักนิด ก่อนเดินทางต่อไปเพื่อถ่ายรูปและทำรีวิวกันที่ ซุ้มไผ่ วัดจุฬาภรณ์ วนาราม ภาคบ่ายดิช้านขอขับบ้าง เดี๋ยวจะหาว่ากินแรง เมมื่อได้นั่งตำแหน่งคนขับถือว่าเป็นซิตี้ คาร์ ที่สบาย ๆ เสียดายที่พวงมาลัยปรับไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับความสูง 150 กว่าเซนติเมตร  ขยับปรับตำแหน่งที่นั่ง ปรับกระจก ปรับโน้น นี่ นั่น พอถนัด ก็กดคันเร่งสิครับ ถือว่าดีนะ พอมีอาการดื้อ ๆ เท้านิดนึง ส่วนพวงมาลัยกระชับรับมือ แอบตึง ๆ ในช่วงตีนต้นเล็ก ๆ เกินความคาดหมาย ปกติรถเล็ก ๆ หน้าจะไว ๆ แต่โลมาไม่ ไปพริ้วไหวที่ท้ายมากกว่า สำหรับพี่รับได้  ไม่ติด ติงอย่างเดียวที่ไม่ค่อยถูกจริตคือเสียงยาง ที่น้องจะเอี้ยดอ้าดไปซะนิด อื่น ๆ รับได้ และถ้าให้ต้องควักกระเป๋า 549,000 บาท ก็ซื้อนะ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะบ้านไม่มีพื้นที่ให้จอดซะแล้ว

  

 

ไม้สอง 40 กม.พอล่ะพี่เอ น้องขับเข้ากรุงเทพฯ ต่อเลยนะ 555 ผู้ชายอกสามศอก มีหรือจะปฎิเสธ ช่วงไม้สามเข้ากรุงเทพฯ ยิ่งระยะทางไกลดีลเลอร์ บอกได้เลย ทุกคันลุ้นกันตลอด เรียกว่าไม่มีใครกล้าหลับ เพราะพลังงานแบตเตอรี่ เหลือน้อยกันแบบลุ้นสนุกมาก แต่สุดท้ายทุกคันก็สามารถขับกลับมาชาร์ตไฟที่โชว์รูมได้ คันของเราตีธงที่ระยะทาง  269.5 กม. เหลือแบต 7 % ใจหายใจคว่ำกันเลยทีเดียว แต่น้องเซอร์วิสแจ้งแล้วครับว่ายังไงพวกเราก็ถึงที่หมาย ไม่หลง เพราะคำนวนมาอย่างดีแล้ว แม้จะตอก 0 ก็ยังวิ่งได้อีกสักระยะ แต่คงไม่มีเจ้าของรถคันไหน ลองวิ่งจนแบตเหลือ 0 ละ เพราะมันน่าจะมีผลต่อการใช้งานระยะยาว คิดเองคงเหมือนแบตมือถือ ถ้าเราปล่อยหมดขนาดนั้นจะทำให้แบตเสื่อมสภาพเร็ว สรุปโดยรวมจากการใช้ชีวิตตั้งแต่ 9.00 น.-17.00 น.ความพึงพอใจอยู่ในระดับดี แม้จะไม่ที่สุดขอรับ... 

  

 

NETA V รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% สไตล์ City Car รถยนต์พลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้  ได้รับการออกแบบภายนอกที่ลงตัวตามหลักอากาศพลศาสตร์ และการออกแบบภายในที่เรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย โดดเด่นด้วยหน้าจอ Infotainment ระบบสัมผัส ขนาดใหญ่ 14.6 นิ้ว พร้อมระบบการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ กุญแจแบบสมาร์ทคีย์พร้อมระบบ Ride & Go ให้รถพร้อมสำหรับการขับขี่ทันทีที่เปิดประตูรถ

NETA V มีสมรรถนะเพียงพอต่อการใช้งานด้วยมอเตอร์ขนาด 95 แรงม้า แรงบิด 150 นิวตัน-เมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-Ion Battery) ความจุ 38.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้ระยะทางในการวิ่งสูงสุด 384 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟเต็มตามมาตรฐาน NEDC ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น IP67 พร้อมด้วยระบบจัดการอุณหภูมิแบตเตอรี่ HEPT 3.0 และระบบระบายความร้อนแบบ LIQUID COOLING SYSTEM รองรับการชาร์จกระแสสลับ AC Normal Charge จาก 0-100% ในระยะเวลาประมาณ 8 ชั่วโมง และการชาร์จกระแสตรง DC Quick Charge จาก 30-80% ในระยะเวลาประมาณ 30 นาที  ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ด้วยฟังก์ชัน V2L (Vehicle to Load) จ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า ด้วยกำลังสูงสุดถึง 3,300 วัตต์ พร้อมการติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และเทคโนโลยีความปลอดภัยอย่างครบครัน

NETA V มีให้เลือก 5 สี ประกอบด้วย สีเขียว Cyan สีขาว White Storm สีชมพู Sakura Pink สีเทา Midnight Grey และสีฟ้า Sky Blue