ลองมาแล้ว

สำหรับ SUZUKI XL7 HYBRIB

คุ้มค่าและท้าทาย

 

“NEW SUZUKI XL7 Hybrid” พร้อมลุยไปอีกขั้นกับขุมพลังไฮบริด “XL7 Hybrid “Multi-Dynamic Crossover” เพื่อยกระดับชีวิตสู่ความคุ้มค่าและท้าทาย มอบอิสรภาพแห่งการเดินทางที่แท้จริง บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำรถยนต์พลังงานอย่างเลือกในรูปลักษณ์ของพลังงานไฮบริด เป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่ต้องการความประหยัด และต้องการทดลองปรับเปลี่ยนการใช้งานจากเครื่องยนต์สันดาบร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นเครื่องยนต์กึง เพื่อศึกษาแนวทางการใช้งานก่อนปรับตัวไปใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ในมุมมองของผู้เขียนเอง ก็รู้สึกเช่นกันว่า ก่อนเราจะปรับเปลี่ยน เราลองใช้รถประเภทนี้ไปก่อน ก็น่าจะดี

 

 

เพราะทางเลือกของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน มีข้อจำกัดที่แตกต่างกัน อย่างน้อยผู้ซื้อก็มีความคิดที่จะลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ ก็ถือว่าคิดช่วยโลกแล้ว เพียงแต่ความพร้อมของแต่ละครอบครัว คงจะไม่เหมือนกัน  จากปัจจัยนี้เองทำให้ ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดตัว Suzuki XL7 Hybrid ต่อจากรุ่นน้องที่ ERTIGA ที่เปิดตัวรุ่นไฮบริดแล้ว เมื่อปีก่อน สำหรับรุ่นนี้ นายวัลลภ  ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัดคาดว่าหวังยอดไม่มากไม่มาย เพียงเดือน 700 คันเท่านั้น วัตถุประสงค์เพื่อรักษากลุ่มลูกค้าหลัก  ต้องการสร้างเครือข่ายการขายและภาพลักษณ์ของแบรนด์ รวมทั้งการขยายตลาดรถยนต์นั่งให้มีความหลากหลาย

  

 

ในโอกาสนี้ ทางซูซูกิ ฯ ต้องการให้สื่อมวลชนได้สัมผัสและ ประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ “NEW SUZUKI XL7 Hybrid” ก่อนใคร ในทริปนี้ใช้เส้นทางกรุงเทพฯ – ราชบุรี (สวนผึ้ง) กลุ่มแรกขับจากโรงแรม โซล แบงคอก โดยใช้ถนนกาญจนาภิเษก ผ่านเส้นบรมราชชนนี วิ่งไปยังราชบุรี โดยแวะจุดพักร้านกาแฟเกร๋ ๆ SOP Cafe เพื่อดื่มดำกับกาแฟอร่อย ๆ ริมแม่น้ำแม่กลอง  การเดินทางในครั้งนี้สำหรับคันของเรา มีผู้ขับขี่และผู้โดยสารร่วม 4 คน แน่นพอดี ช่วยให้การขับขี่สมดุลยิ่งขึ้น

  

 

สำหรับ “NEW SUZUKI XL7 Hybrid” มีกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ให้มุมมองที่พรีเมี่ยมมากยิ่งขึ้น ระบบเปิด-ปิดไฟหน้า อัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชั่น Guide me ที่ระบบทำงานอัตโนมัติ เพื่อส่องทางเข้าออก และเดินเข้าหาตัวรถ ให้ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย , ระบบ Idling STOP ที่ช่วยลดการสิ้นเปลืองของน้ำมันเชื้อเพลิงเมื่อรถหยุด , Cruise Control ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางำกล , ระบบ ไฮบริด ที่แบตเตอรี่ ขนาด 10AH 12 V หน้าจอสัมผัสคมชัดสูง ขนาด 10.1 นิ้ว รองรับ Apple Carplay / Android Auto , นอกจากนี้ยังมีระบบพับปิด-เปิด ขอบงกระจกมองข้างแบบอัตโนมัติ ทั้งนี้ด้านท้ายรถ มีการออกแบบ Chrome Back Garnish โดดเด่น พร้อมป้าย Hybrid

 

 

 

ภายในห้องโดยสาร กว้างขวาง นั่งสบาย 7 ที่นั่ง พร้อมด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระที่กว้างขวาง เป็นรถอเนกประสงค์ที่ประหยัดมาก ตามอีโคสติ๊กเกอร์คือ 19.2 กม./ลิตร คุ้มค่า ตลอดเว้นทางการขับขี่ของแต่ละท่าน จากร้านจุดสตาร์ท-ร้านกาแฟ  จากร้านกาแฟ-ร้านอาหารกลางวันครัวตะนาวศรี ให้ความรู้สึกที่นุ่มนวล สบาย การเร่งแซง การขับสบาย ๆ เพื่อสะสมพลังงาน ควรขับไม่เกิน 3,900 รอบ และใช้เท้าเหยียบคันแร่งแบบค่อยกด จะทำให้เกิดพลังงานสะสมเข้ามอเตอร์ไฟฟ้า เจ้า “NEW SUZUKI XL7 Hybrid” นับเป็นรถอเนกประสงค์ที่น่าใช้ตัวนึงเลยทีเดียว โดยเฉพาะสีใหม่ ที่สวยและดูแพงมาก ๆ ทีเดียว

 

   

 

โดยเฉพาะเครื่องยนต์ไฮบริด ที่นิ่งเงียบ แบตเตอรี่ถูกวางในตำแหน่งผู้โดยสารด้านซ้าย ขนาดกะทัดรัด ไม่เกะกะ บำรุงรักษาง่าย น้ำหนักเบา และที่สำคัญคือค่าบำรุงรักษาต่ำ มั่นใจค่าบริการหลังการขายจะสบายกระเป๋า ดังนั้นการโดยสาร 4 ที่นั่ง ไม่ได้อึดอัด และแถว 3 ยังนั่งได้อีกสบาย ๆ นอกจากการขับออนโรดแล้ว ซูซูกิ ยังเปิดโอกาสให้ทริปเราได้มีโอกาสไปสัมผัสเส้นทางธรรมชาติแบบออฟโรดเล็ก ผ่านถนนในอุทยาน เพื่อผ่านเข้าไปที่ธารน้ำใส ได้ลุยร่องน้ำเล็ก ๆ ปีนป่าย พอกรุบกริบ ซึ่ง “NEW SUZUKI XL7 Hybrid” ซึ่งก็ทำให้เพื่อร่วมทริปพึงพอใจ ให้ได้สัมผัสอารมณ์ฝุ่นเล็ก ๆ ซึ่งการใช้งานจริงในเมืองหลวงก็คงพอตอบโจทย์ สามารถลุยน้ำขับรอระบายได้อย่างสบาย ไม่กังวล เพราะแบตเตอรี่อยู่ภายในรถ ไม่ต้องวิตกจริตเหมือน เพื่อน ๆ ที่ขับรถ EV ในขณะนี้ ที่เจอน้ำท่วมขัง แบบเฉียบพลัน ทำเอาแบตเตอรี่ รวน ป่วนเงินในกระเป๋ากันเต็ม ๆ สำหรับผู้เขียนมองว่าเป็นรถที่น่าสนใจอีกตัวหนึ่ง หากยังไม่รีบกระโจนไปขับ EV ส่วนราคารอสักนิด คิดว่าจะเปิดเผยในงานมอเตอร์โชว์นี้