ฟอร์ดชวนสื่อพิสูจน์ความดุดันไม่เกรงใจใคร

ของ ‘ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่’

 

ฟอร์ด ประเทศไทย เดินหน้าลุยตอกย้ำ “ความดุดัน ไม่เกรงใจใคร” ของฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ อีกครั้ง หลังพาขบวนสื่อไทย-เทศ ไปสัมผัสนาขั้นบันไดที่ซาปา ประเทศเวียดนามกันมาแล้ว ทริปนี้เนรมิตรสนามทดสอบออฟโรดสุดโหดต้อนรับคณะสื่อมวลชน เพื่อร่วมทดสอบและพิสูจน์สมรรถนะของ “ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์” สุดยอดรถกระบะสมรรถนะสูงสำหรับคอออฟโรดตัวจริง ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Ford Ranger Raptor Unbeatable Experience’ สัมผัสประสบการณ์การขับขี่อัน ‘#ดุดันไม่เกรงใจใคร’ บนเส้นทางออฟโรดที่พร้อมโชว์สมรรถนะและฟีเจอร์อันโดดเด่นของฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำในเซ็กเมนต์รถกระบะ ณ Ford Ranger Off-road Track อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี

 

 

การทดสอบในครั้งนี้ ฟอร์ดกวาดต้อนสื่อมวลชนทุกประเภท ทั้งสื่อหลัก สื่อออนไลน์ สื่อโซเชียลทุกแขนง เรียกว่าทุกท่านได้รับตั๋ว ทดสอบแร็พเตอร์พันธุ์ดุ กันถ้วนหน้า ไม่มีข้อกังขาว่าเลือกที่รักมักที่ชัง ทุกสื่อมีปฎิสัมพันธ์ที่ดี เอื้อเฟื้อต่อกันมาโดยตลอด ดังนั้นการจัดกิจกรรมในแต่ละครั้ง ต้องจัดสรรอย่างตรงไปตรงมาที่สุด เขาว่าแบบนั้น ผมก็ว่าแบบงั้นเหมือนกัน

กิจกรรมนี้จัดขึ้น 1 วัน โดยแบ่งเป็น 2 รอบ รอบเช้ากับรอบบ่าย แต่กำหนดการเหมือนกันคือ มาถึงเสร็จสรรพ ตามกำหนดก็รับฟังการบรรยายข้อมูลของสถานีการขับขี่ในสนามออฟโรดทั้ง 9 สถานี ด้วยอุปสรรคและความท้าทายในสนาม ผู้ขับขี่จะสัมผัสถึงความสนุก ตื่นเต้นเร้าใจ และเข้าถึงสมรรถนะอันทรงพลัง และความชาญฉลาดของเทคโนโลยีในรถฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เพื่อเอาใจคนรักการขับขี่ออฟโรด ที่พร้อมท้าทายทุก รูปแบบด้วยฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ทั้ง 2 รุ่น ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร และเครื่องยนต์เบนซิน 3.0  ลิตร

    

 

ผมโดดบรรเลงตามไทม์มิ่งที่ได้รับ จั่วหัวความเร้าใจด้วยสถานีแรก ผู้ขับขี่จะได้ทำความคุ้นเคยกับฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ด้วยการขับรถขึ้นลงเนินชันประมาณ 21 องศา ด้วยเกียร์ต่ำขับเคลื่อน 4ล้อ (4L) ใช้กล้องรอบคัน 360 องศา รวมถึงหน้าจอสถานะออฟโรด ที่จะช่วยให้สามารถมองเห็นสถานะของตัวรถ และอุปสรรครอบคันได้อย่างชัดเจน ด้วยขนาดตัวรถที่ใหญ่โต ทัศนวิสัยในการมองเห็นเมื่อรถอยู่บนเนินทำได้ยาก ฟอร์ด แร็พเตอร์ สบายเพราะผู้ผลิตได้เติมกล้องรอบคันมาเสริม ช่วยให้ผู้ขับขี่มีตารอบตัว ทำให้สะดวกสบาย ปลอดภัยกับการขับขี่ในลักษณะนี้มากทีเดียว ทั้งนี้ ทั้งนั้นระบบกล้องรอบคัน ฟอร์ดเข้าใส่มาให้สักพักละ ผมว่ามันไม่ได้ว้าว แต่พอได้ขับในสถานีแบบนี้ก็ได้ลองใช้งานจริง ถือว่าดีครับ ช่วยเสริมให้การมองเห็นของผู้ขับขี่ดีขึ้นมากทีเดียว 

   

 

ต่อมาที่สถานีที่สองเพิ่มความเข้มข้นของการขับขี่ขึ้นลงเนินชันกว่า 25 องศา พร้อมด้วยการทดลองใช้ ระบบควบคุมความเร็วสำหรับการขับขี่ออฟโรด หรือ Trail Control ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่มีในฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เพียงรุ่นเดียวในตลาดรถกระบะ ระบบจะช่วยควบคุมความเร็วขณะขับขี่บนเส้นทางออฟโรด ผู้ขับขี่เพียงควบคุมพวงมาลัยเท่านั้น ทำให้เราสามารถผ่านเส้นทางการขับขี่อันท้าทายทั้งในระหว่างขึ้นและลงเนินชันไปได้อย่างง่ายดาย ระบบนี้จัดว่าเยี่ยมครับ ช่วยให้การขับขี่ที่ผ่านอุปสรรคไปได้ง่ายกว่าเดิมเยอะทีเดียว ทั้งยังเสริมความมั่นใจให้ผู้ขับขี่ได้ดีอีกด้วย

จากนั้นเราก็ไต่ระดับมาที่ การขับผ่านสะพานแคบ ๆ เปิดใช้กล้องรอบคัน 360 องศา  รวมไปถึงเปิดโหมดหน้าจอออฟโรดที่มองเห็นเส้นแนวล้อ ช่วยกะระยะและเสริมความมั่นใจให้ผู้ขับขี่ระหว่างขับผ่านอุปสรรคนี้ ได้อย่างมั่นใจ

  

 

ในสถานีถัดมา ได้ทดลองใช้โหมดการขับขี่ที่ออกแบบมาให้ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ฝ่าฟันได้ทุกสภาพพื้นที่ โดยเริ่มจากการไต่เนินหินด้วยการใช้โหมดหินและเปิดดิฟล็อกแบบไฟฟ้าเพื่อควบคุมการทรงตัวของรถให้ไต่เนินและผ่านอุปสรรคปีนปายไต่หิน ทำให้การขับขี่ผ่านอุปสรรคเช่นนี้ เป็นไปด้วยความชิล

ยังไม่หยุด ไปต่อกันที่สถานีที่จะพิสูจน์ความเป็นสุดยอดรถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูง กับบททดสอบความ ‘#ดุดันไม่เกรงใจใคร’ ด้วยการขับขี่ในโหมดบาฮา พร้อมการใช้เกียร์สูงขับเคลื่อน 4 ล้อ (4H) ขับผ่านเนินกระโดดติดต่อกัน เข้าสู่เส้นทางคดเคี้ยวด้วยการขับแบบสลาลอม นอกจากผู้ขับขี่จะสัมผัสถึงความเร้าใจตามแบบฉบับของคอออฟโรด ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ยังโชว์ให้เห็นถึงสุดยอดของระบบกันสะเทือนของโช้คอัพ FOXTM ที่ช่วยดูดซับแรงกระแทกจากการขับขี่ความเร็วสูง และช่วยในการทรงตัวและการควบคุมรถให้ดียิ่งขึ้น   โหมดนี้ในยุคแรกเราพาฟอร์ด แร็พเตอร์ ไปบินกันแบบจุก ๆ มาแล้ว ครั้งนี้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเดิม แร็พเตอร์ยังคงได้บิน ได้เหิน แบบไม่ต้องกลัวช่วงล่างพัง เพราะออฟชั่นต่างๆที่เราคัดสรรในแร็พเตอร์ เพื่อกาลนี้โดยเฉพาะ

    

 

ดุดันกันเต็มพิกัดแล้ว ไม่ใช่จะพอเรายังคงมีสถานีที่ให้ผู้ขับขี่ได้ลองโหมดทราย ทดลองขับขี่ไปผ่านแอ่งทรายที่มีความร่วนสูง โดยระบบจะปรับอัตราการส่งกำลัง อัตราการทดเกียร์ และการทรงตัว เพื่อรักษาสมดุลการเคลื่อนที่ของตัวรถได้มากขึ้น จากนั้นเปลี่ยนกลับมาเป็นการขับขี่ด้วยโหมดบาฮาเพื่อสัมผัสกับความนุ่มนวลแต่มั่นคงของโช้คอัพ FOXTM อีกครั้งบนเส้นทางขรุขระหลุมบ่อ ส่งท้ายความดุดันให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสถึงความสนุกสนานกับเอกลักษณ์ของฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ กับการขับขี่บนทางตรงด้วยความเร็วสูงในโหมดบาฮา ด้วยขุมพลังของเครื่องยนต์ อัตราเร่ง ช่วงล่าง และรอบเครื่องยนต์ที่ปรับจูนกันได้อย่างลงตัว ถ่ายทอดดีเอ็นเอของฟอร์ด เพอร์ฟอร์มานซ์ สู่คอออฟโรดตัวจริง ผมบอกได้เลยว่าถ้าเป็นรถผม ผมไม่ทำ ต่อเมื่อฟอร์ดจัดสถานีให้พิสูจน์แล้ว ผมย่อมไม่เบามือ อัดเต็มที เพื่อให้ได้รับรู้ถึงความรู้สึก ที่เราต้องฝ่าอุปสรรคเก็บฟิลลิ่งไว้ เพื่ออนาคตเกิดต้องเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เราจะได้รับมือกับมันได้ ซึ่งผมคิดว่าผมคงไม่เจอสถานการณ์เช่นนี้กับการใช้ชีวิตประจำวัน หรือเส้นทางออฟโรดธรรมดาแน่นอน

  

 

ตลอดการพิสูจน์สมรรถนะของรถในพื้นที่สมบุกสมบันต่าง ๆ นั้น ฟอร์ดแจ้งว่าเราจะได้สัมผัสประสิทธิภาพของโช้คอัพ FOXTM ขนาด 2.5 นิ้ว ทั้งแบบ Internal Bypass ของรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร และแบบ Live Valve Internal Bypass ของรุ่นเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร ที่ให้ทั้งความนุ่มนวลบนถนนเรียบและความแข็งแรงในการขับขี่บนสภาพพื้นผิวออฟโรดที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ โดยเฉพาะ ไปจนถึงการออกแบบตัวรถที่บึกบึน ทั้งโครงด้านข้าง และซุ้มล้อขนาดใหญ่ จนถึงตัวถังที่มีระยะต่ำสุดจากพื้น (Ground Clearance) 272 มม.

ซึ่งพร้อมสำหรับการลุยในทุกพื้นที่ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ยังออกแบบมา ให้มีทั้งความเป็นเอกลักษณ์สไตล์ Raptor และยกระดับให้พร้อมสำหรับทุกการผจญภัยไปพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้า F-O-R-D ที่โดดเด่นสะดุดตา ไฟหน้ารูปตัว C แบบเมทริกซ์ แอลอีดีอัจฉริยะ แผ่นโลหะกันกระแทกใต้ท้องรถชนิดพิเศษ Raptor ไปจนถึงภายในที่ใช้ เบาะหนัง และหนังสังเคราะห์ เฉพาะแบบ Raptor มอบความสะดวกสบายเหนือระดับด้วยห้องโดยสารที่บรรจุแผงหน้าปัดที่มีหน้าจอแสดงผลจอสีแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 12 นิ้ว และหน้าจอแสดงผลบนหน้าปัดแบบสีขนาด 12.4 นิ้ว เติมเต็มให้ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เป็นรถที่ตอบโจทย์ความต้องการของเจ้าของรถที่มีใจรักในกิจกรรมสมบุกสมบันอันสมบูรณ์แบบในทุกด้าน

   

 

ในการทดสอบขับขี่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมจะได้รับประสบการณ์ความดุดันบนเส้นทางออฟโรดอย่างเต็ม ๆ แม้ผมจะเคยเดินทางไปขับรถในรูปแบบนี้ในต่างประเทศมาบ้างแล้วก็ตาม แต่การจำลองสนามของฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ในครั้งนี้ ถือว่าทำได้ดี แม้ว่าจะได้สัมผัสรถน้อยไปสักนิด เพราะสื่อเยอะ เวลาสั้น แต่ผมเข้าใจว่าการบริหารให้สื่ออยู่ในเวลาที่กำหนด จะช่วยให้เกิดความเสียหายกับรถน้อยกว่า การปล่อยให้อยู่กับรถเป็นเวลานาน เพราะทักษะของแต่ละคนไม่เท่ากัน ขับน้อย ๆ พอได้ถ่ายรูปเท่ ๆ อวดกันในโซเชียลก็น่าจะเพียงพอ

สำหรับผมกับการทดลองขับในครั้งนี้ ก็ต้องชมกับความพยายามของฟอร์ด ที่ลงทุน ปรับแต่งสนามให้เราได้ขับขี่กัน ตามคีย์แมสเสจ ที่ฟอร์ดอยากให้เป็นถือว่าดี และสมรรถนะของฟอร์ด แร็พเตอร์ เครื่องยนต์ เบนซิน 3.0 ลิตร กับเครื่องยนต์ ดีเซล 2.0 ลิตร ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก คงให้ความดุดันไม่เกรงใจใครดังสโลแกนไม่ผิดเพี้ยน เอาเป็นว่าท่านใดพึ่งพอใจ มีสตางค์เติมน้ำมันก็จัดไป อย่าไปกังวล ไม่ต้องกลัวดราม่า ใช้ของตามความชอบ ความต้องการ ดีสุดครับ