“ฟอร์ด” ยกขบวนสุดยอดนวัตกรรมและสมรรถเหนือชั้น

ไต่เขา ชมนาขั้นบันได ในทริป Ford Next Level Experience

ณ เมืองซาปา ประเทศเวียดนาม

 

หลังสื่อมวลชนห่างหายไปกับทริปใหญ่ ๆ ในการเดินทางเพื่อทดสอบรถยนต์ในต่างแดน ทริปเบิกกฤษ์การขับขี่ของปี 2023 ฟอร์ด ประเทศไทย เชิญคณะสื่อมวลชนร่วมผจญภัยไปกับทริป ‘Ford Next Level Experience’ ในเมืองซาปา เมืองในสายหมอกของประเทศเวียดนาม สัมผัสประสบการณ์การขับขี่อันเหนือชั้น ที่ตอบโจทย์ไลฟสไตล์ของนักผจญภัยสายลุย ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี ฟอร์ด เจเนอเรชันใหม่ รุ่นย่อยล่าสุด ทั้งฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ รุ่นสตอร์มแทรค ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ รุ่นไวลด์แทรค และฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ทั้งรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร และเบนซิน 3.0 ลิตร  

  

 

ทริปนี้คณะของเราเดินทางกันกว่า 40 ชีวิต เพื่อไปขับขี่ฟอร์ด รุ่นใหม่ล่าสุด โดยบินไปฮานอยและนั่งรถต่อไปยังซาปา เมืองในสายหมอกที่หลาย ๆ คนอยากไปสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติ ซาปางดงามดั่งภาพวาด โดยเฉพาะที่พัก ซึ่งทางฟอร์ด ประเทศไทย ได้จัดเตรียมให้คณะสื่อมวลชนโรงแรม เปา ซาปา สวยงามมากจริง ๆ

  

 

สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ ฟอร์ด 1 คัน ประกอบด้วยสื่อมวลชน ประมาณ 2-3 ท่าน เราได้ทดสอบขับบนถนนที่คดเคี้ยวและเล็กแคบของเมืองซาปา ให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร และใช้กล้องมองรอบคัน 360 องศา ช่วยให้มองเห็นอุปสรรคได้รอบตัว เพิ่มความมั่นใจให้ผู้ขับขี่ขับในการมุ่งหน้าสู่อ่างเก็บน้ำเซียวมีที (Seo My Ty) อ่างเก็บน้ำที่อยู่สูงที่สุดจากระดับน้ำทะเลของเวียดนามที่ 1,600 เมตร ท่ามกลางทัศนียภาพทางธรรมชาติที่ล้อมรอบด้วยภูเขาและทุ่งนาขั้นบันไดเขียวขจี 

สำหรับทีมเรานั้นได้ประจำในฟอร์ด กระบะแร็พเตอร์ 3.0 ลิตร ดุดันไม่เกรงใจใคร ด้วยความทรงสมรรถนะพาเราขับเคลื่อน ไต่เขา ลัดเลาะโค้ง ถนนที่พอดีรอยล้อ ลุ้นตลอดการเดินทาง แต่ก็มั่นใน และมั่นคงในทุกสภาพ เพราะแร็พเตอร์ พกพา ทุกโหมดให้เราได้ตะลุย ได้อย่างสะใจ

  

 

กระบะออฟโรดสมรรถนะสูง ที่โดดเด่นที่สุดในยุคนี้ อัดแน่นด้วยดีเอ็นเอฟอร์ด เพอร์ฟอร์มานซ์ ที่สุดแห่งรถกระบะที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น และดีไซน์ที่ดุดันยิ่งกว่าเคย ผสานโหมดการขับขี่ 7 โหมด ยกระดับสมรรถนะการขับขี่ให้เหนือมาตรฐานสำหรับคอ   ออฟโรดตัวจริง ตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดรถกระบะสมรรถนะสูง โดยนำเสนอ 2 ทางเลือกเครื่องยนต์ที่เหมาะกับการใช้งานแตกต่างกัน ได้แก่

- เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร อีโคบู๊สต์ วี 6 เทอร์โบคู่ 

- เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ที่พัฒนาต่อยอดจากฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเดิม

มิติตัวรถ

- สูง : 1,922 มม.

- กว้าง : 2,028 มม.

- ความยาว : 5,381 มม.

เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร กำลังสูงสุด 397 แรงม้า ที่ 5,650 รอบต่อนาที , เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบ E-Shifter , ระยะช่วงล้อ 3,270 มม. ล้ออัลลอย 17” พร้อมยางออลเทอเรน BF Goodrich ® K02 ขนาด T285/70 R17 , ดิสก์เบรกขนาดใหญ่พิเศษ พร้อมครีบระบายความร้อน

ระบบเฟืองท้าย หน้า-หลัง แบบ Locking Differential , โช้คอัพ FOXTM แบบ Live Valve Internal Bypass 2.5 นิ้ว , ระบบเลือกโหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ ประกอบด้วย โหมดปกติ โหมดสปอร์ต และโหมดถนนลื่นสำหรับทางเรียบ และโหมดการขับขี่ออฟโรดอย่างโหมดหิน โหมดทราย โหมดโคลน และโหมดบาฮา

  

 

นอกจากนี้ยังคงอัดแน่นด้วย อุปกรณ์ภายนอก

- ไฟหน้าแบบเมทริกซ์ แอลอีดี พร้อมระบบปรับมุมลำแสงไฟอัตโนมัติ ระบบป้องกันไฟแยงตา และระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ 

- ไฟวิ่งกลางวันและไฟท้ายแบบแอลอีดี

- ไฟตัดหมอกหน้าแบบแอลอีดี

- ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ

- ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ

- กระจกมองข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้า

- ตัวถังขยายกว้างพิเศษพร้อมซุ้มล้อ

- บันไดข้างอลูมิเนียมพ่นผิวกันลื่นสีดำ

- พื้นปูกระบะท้าย พร้อมช่องต่อไฟ 12V และ 230V (400W)

- ฝาท้ายแบบผ่อนแรง Easy Lift

- แผ่นโลหะกันกระแทกใต้ท้องรถชนิดพิเศษ Raptor

  

 

อุปกรณ์ภายในและความสะดวกสบาย

- เบาะหนัง และ หนังสังเคราะห์ เฉพาะแบบ Raptor

- เบาะนั่งคนขับและผู้โดยสาร ปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง

- กุญแจรีโมทอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ 

- แท่นชาร์จไร้สาย

- กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ พร้อมช่องต่อ USB 

- ไฟตกแต่งภายในห้องโดยสาร

- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา

- ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

- ช่องต่อพ่วงอุปกรณ์ออฟโรด Upfitter Switch

- ระบบ Active Valve Exhaust ปรับระดับเสียงท่อ 4 โหมด (เฉพาะรุ่น 3.0 ลิตร)

- MY Mode ระบบบันทึกการตั้งค่า (รูปแบบพวงมาลัย ระบบกันสะเทือน และท่อไอเสีย) และเรียกใช้งาน (เฉพาะรุ่น 3.0 ลิตร)

 

การเชื่อมต่อและความบันเทิงภายในรถ

ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ มาพร้อมอุปกรณ์เพื่อความบันเทิง ได้แก่ 

- หน้าจอแสดงผลจอสีแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 12 นิ้ว

- หน้าจอแสดงผลบนหน้าปัดแบบสีขนาด 12.4 นิ้ว

- รองรับ WirelessApple CarPlay® และ Android Auto™

- ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ และ ระบบสั่งงานด้วยเสียง  SYNC® 4A

- ระบบ FordPass Connect

- ช่องต่อ USB 4 จุด

- ลำโพง Bang & Olufsen® 10 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น 3.0 ลิตร)

  

 

อุปกรณ์ความปลอดภัย

- ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน 

- ถุงลมนิรภัย 7 จุด คู่หน้า / ด้านข้าง / ม่านถุงลมนิรภัย / และถุงลมบริเวณหัวเข่า

- สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้าและด้านหลัง

- ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD 

- ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Electronic Stability Program – ESP) และ ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control พร้อม Electric Brake Booster

- ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist – HLA) และระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ (Roll-Over Mitigation – ROM) 

- ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา (Hill Decent Control – HDC)

- เบรกมือไฟฟ้า

- สัญญาณกันขโมยแบบ Volumetric

  

 

เทคโนโลยีช่วยการขับขี่ขั้นสูง

ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่อัจฉริยะครบครัน ได้แก่

- ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมระบบ Stop&Go และระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง

- ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ

- ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน

- ระบบเตือนการชนด้านหน้า

- ระบบช่วยควบคุมรถหลังจากชน

- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง

- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน

- ระบบตรวจจับรถในจุดบอด และระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด

- กล้องมองรอบคัน 360 องศา

- ระบบป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง

- ระบบช่วยการหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ

- ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ

- ระบบตรวจจับลมยาง

  

 

จากสเปคแล้ว บอกได้เลยว่า แร็พเตอร์เอาอยู่ และยังช่วยให้นักขับระดับเบสิคอย่างเรา สามารถขับขี่ไต่เขา และเขาสถานีได้อย่างง่ายดายและสนุกสนาน กิจกรรมได้แบ่งกลุ่มทดสอบสมรรถนะและการใช้งานรถฟอร์ด เจเนอเรชันใหม่ ใน 3 สถานี ได้แก่ ฟอร์ด  เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ รุ่นไวลด์แทรค และแร็พเตอร์ เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร , ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร และ ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ รุ่นสตอร์มแทรค

  

 

สถานีที่ 1 ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ รุ่นสตอร์มแทรค ที่มาพร้อมราวหลังคาและสปอร์ตบาร์แบบปรับได้ (Flexible Rack System) เพื่อให้ผู้ขับขี่เลือกปรับรูปแบบสปอร์ตบาร์ได้อย่างสะดวกสบายกับความสามารถในการเลื่อนจุดล็อคได้ถึง 5 ตำแหน่งด้วยมือเดียว ทั้งยังรองรับน้ำหนักได้สูงสุด 80 กก. (ขณะขับ) และ 250 กก. (ขณะจอด) สื่อมวลชนได้ทดสอบการบรรทุกเรือคายักและซัพบอร์ด และร่วมเล่นกีฬาทางน้ำ เพื่อจำลองการใช้งานจริงของผู้ใช้งานรถฟอร์ด เรนเจอร์  เจเนอเรชันใหม่ รุ่นสตอร์มแทรค ที่มองหาการใช้งานรถกระบะที่เน้นความอเนกประสงค์มากกว่าที่เคย รวมถึงทดลองใช้โหมดการขับขี่แบบออฟโรด ทั้งในโหมดโคลน (Mud Mode) โหมดทราย (Sand Mode) และการขับผ่านทางลื่นด้วยโหมดถนนลื่น (Slippery) 

  

 

สถานีที่ 2 ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ เบนซิน 3.0 ลิตร ก้าวข้ามความท้าทายไปอีกระดับกับบททดสอบสำหรับรถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูง อัดแน่นด้วยดีเอ็นเอฟอร์ด เพอร์ฟอร์มานซ์ ที่ออกแบบมาเพื่อเอาชนะทุกสภาพถนน โดยสื่อมวลชนได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่แบบออฟโรดบนเส้นทางสุดท้าทายบริเวณอ่างเก็บน้ำเซียวมีทีอันเต็มไปด้วยเนินหิน บ่อโคลน และทราย ด้วยโหมดการขับขี่ในฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจนเนอเรชันใหม่ ที่มีมากถึง 7 โหมด และการใช้ฟังก์ชัน Trail Control ซึ่งเปรียบเสมือนระบบควบคุมความเร็วแบบอัตโนมัติสำหรับเส้นทางออฟโรด ใช้ในการไต่ขึ้นและลงทางลาดชัน ทำให้ผู้ขับขี่ผ่านอุปสรรคที่ยากลำบากไปได้อย่างง่ายดาย การแสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีการขับขี่ขั้นสูงตามมาตรฐานของฟอร์ด ที่ยังมีทั้งระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Electronic Stability Program – ESP) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control พร้อม Electric Brake Booster ระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ (Roll-Over Mitigation – ROM) กล้องมองรอบคัน 360 องศา และฟีเจอร์เพื่อความปลอดภัยอื่น ๆ อีกมากมาย

   

 

สถานีที่ 3 ฟอร์ด  เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ รุ่นไวลด์แทรค สื่อมวลชนได้ร่วมพิสูจน์คำนิยามของรถยนต์อเนกประสงค์สำหรับครอบครัวที่ผสานสมรรถนะเพื่อการผจญภัยเข้ากับความสะดวกสบาย ต่อยอดสมรรถนะและเทคโนโลยีที่เหนือชั้นด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์แบบไวลด์แทรค และครบครันทั้งความเท่ แข็งแกร่ง และขับสนุกในทุกการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการบรรทุกสัมภาระบนราวหลังคาแบบยกสูงซึ่งเป็นแบบใหม่เฉพาะฟอร์ด เอเวอเรสต์ รุ่นไวลด์แทรค อีกทั้งยังได้สัมผัสความพร้อมลุยทุกสถานการณ์กับการขับรถลุยน้ำได้สูงสุดถึง 800 มม. รวมถึงระบบขับเคลื่อนแบบ 4x4 ที่มีตัวเลือกโหมดการขับขี่มากถึง 6 โหมด เพื่อสมรรถนะสูงสุดสำหรับการเดินทางบนทุกสภาพพื้นผิว และยังได้สนุกสนานไปกับกิจกรรมรอบทะเลสาบ ไม่ว่าจะเป็น ดริปกาแฟ แกลมปิ้ง ปั่นจักรยานชมนาขั้นบันได เป็นต้น

  

 

สำหรับ ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ รุ่นสตอร์มแทรค ถือเป็นสุดยอดรถกระบะสมรรถนะสมบุกสมบัน ที่ได้รับการออกแบบมาให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สุดท้าทายไปอีกขั้นด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ไม่เคยมีมาก่อนในรถกระบะ ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ มอบพละกำลังสูงสุด 210 แรงม้า และแรงบิด 500 นิวตันเมตร พร้อมตัวเลือกระบบขับเคลื่อนแบบ 4x4 และ 4x2 มาพร้อมเทคโนโลยีระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Fully Automated Park Assist) เป็นครั้งแรกในตลาดรถกระบะ นอกเหนือจากฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ รถกระบะในตระกูลเพอร์ฟอร์มานซ์ 

  

 

ส่วน ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ รุ่น ไวลด์แทรค อัดแน่นด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบ E-Shifter มอบพละกำลังสูงสุด 210 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร พร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ 4x4 ที่มีตัวเลือกโหมดการขับขี่มากถึง 6 โหมด ได้แก่ Normal, Eco, Tow/Haul, Slippery, Mud/Ruts และ Sand เพื่อสมรรถนะสูงสุดสำหรับการเดินทางบนทุกสภาพพื้นผิว และ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ทั้งรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร และเบนซิน 3.0 ลิตร ที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดจากฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์รุ่นก่อนหน้า ด้วยรูปลักษณ์ที่ดุดัน เสริมเทคโนโลยีและฟีเจอร์ความปลอดภัยในการขับขี่ให้สายออฟโรดลุยได้ถึงใจกว่าที่เคย

  

กิจกรรมทดสอบรถฟอร์ด รุ่นใหม่ล่าสุด ให้สื่อได้สัมผัสถึงสมรรถนะของรถในแต่ละรุ่นได้เป็นอย่างดี และตอบโจทย์การใช้งาน ในบางโหมด เจ้าของรถอาจจะไม่ได้ใช้ เช่นเดียวกับสื่อมวลชน ที่ร่วมทดสอบในบางโหมด เพิ่งได้สัมผัสครั้งแรก สามารถผ่านอุปสรรคได้อย่างง่ายดาย รถในทุกโมเดลในครั้งนี้ เป็นรถที่มีสมรรถนะเหนือชั้นเกิดคาดหมาย

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับรถฟอร์ด เจเนอเรชันใหม่ รุ่นย่อยล่าสุด ที่เว็บไซต์ www.ford.co.th และที่โชว์รูมฟอร์ดทั่วประเทศ