ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าเลือกใช้ NVIDIA DRIVE

รองรับการขับขี่อัจฉริยะ

 

NVIDIA ประกาศขับเคลื่อนวงการรถยนต์ไฟฟ้า ค่าย Li Auto ผู้บุกเบิกยานยนต์ไฟฟ้าระยะไกล (EV) ได้เลือกใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในรถยนต์แบบรวมศูนย์ NVIDIA DRIVE Thor™ เพื่อขับเคลื่อนกลุ่มยานพาหนะรุ่นต่อไป พร้อมด้วยผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าอีกหลายค่าย อาทิ GWM (Great Wall Motor), ZEEKR และ Xiaomi ได้นำแพลตฟอร์ม NVIDIA DRIVE Orin™ มาใช้เพื่อประมวลผลระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ สู่ความอัจฉริยะของรถยนต์ไฟฟ้า

มิสเตอร์ซินโจว วู รองประธานฝ่ายยานยนต์ของ NVIDIA กล่าวว่า  ภาคอุตสาหกรรมการขนส่งกำลังเปิดรับการประมวลผลแบบรวมศูนย์สำหรับการขับขี่อัตโนมัติและไร้คนขับ  โดยค่ายรถยนต์เชื่อมั่นและเลือกใช้ NVIDIA DRIVE Orin ด้วยคอมพิวเตอร์รถยนต์ AI อัจฉริยะ ที่ตอบโจทย์ผู้ผลิตรถยนต์ที่มองหาความสามารถขั้นสูงและประสิทธิภาพ AI ของ NVIDIA DRIVE Thor ผู้สืบทอดตำแหน่งต่อ สำหรับแผนการพัฒนายานพาหนะในอนาคต

 

DRIVE Thor เป็นคอมพิวเตอร์ติดรถยนต์แบบรวมศูนย์เจเนอเรชันถัดไปที่รวมฟังก์ชันอัจฉริยะหลากหลายไว้ในแพลตฟอร์มประมวลผล AI ชุดเดียว มอบความสามารถในการขับขี่และการจอดรถอัตโนมัติ การตรวจสอบผู้ขับขี่และผู้โดยสาร พร้อมด้วยฟังก์ชั่นห้องนักบิน AI

ปัจจุบัน Li Auto ใช้โปรเซสเซอร์ DRIVE Orin สองตัวเพื่อขับเคลื่อนระบบช่วยเหลือการขับขี่, AD Max สำหรับรุ่น L-series โปรเซสเซอร์ซึ่งให้การทำงานรวม 508 ล้านล้านต่อวินาที (TOPS) ช่วยให้สามารถหลอมรวมและประมวลผลข้อมูลเซ็นเซอร์แบบเรียลไทม์ - ขับเคลื่อนการขับขี่อัตโนมัติแบบเต็มสถานการณ์สำหรับการนำทางบนระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (Advanced Driver- Assistance Systems: ADAS) ระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบเต็มสถานการณ์สำหรับ ระบบควบคุมการเปลี่ยนเลน (Lane Change Control: LCC) ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ และการเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (Automatic Emergency Braking: AEB) ระบบความปลอดภัยแบบแอคทีฟ

นอกจากนี้การอัปเกรด AD Max 3.0 ใหม่จะเปลี่ยนระบบไปใช้สถาปัตยกรรมอัลกอริทึมแบบ end-to-end ซึ่งควบคุมโดยโมเดล AI ขนาดใหญ่ โดยมอบประสบการณ์การขับขี่อัจฉริยะที่ปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้นโดยใช้ Occupancy network และ Spatio-temporal trajectory planning รวมไปถึงการใช้ และอัลกอริธึม Model-predictive control

สร้างอนาคตการขนส่งบน DRIVE แพลตฟอร์ม

ทางด้าน GWM หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารายใหญ่ชั้นนำของจีน ประกาศว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่กำลังจะเปิดตัวจะผสานรวมการประมวลผลแบบรวมศูนย์ DRIVE Orin สำหรับระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ สถาปัตยกรรมไฟฟ้า/อิเล็กทรอนิกส์ Coffee OS 2.0 และแชสซีอัจฉริยะ ซึ่งได้รับการปรับใช้เทคโนโลยีขั้นสูงแล้วใน GWM รุ่นไฮเอนต์  โดย GWM ร่วมมือกับ NVIDIA เพื่อพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะนี้ จะเปิดตัวรุ่นแรกพร้อมระบบดังกล่าวในช่วงครึ่งปีแรกของปี คุณสมบัติการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง เช่น Urban Navigate บน Autopilot และ Cross-floor Memory Parking จะเปิดตัวใน GWM รุ่นต่าง ๆ รวมถึง ORA, WEY และ HAVAL

“เทคโนโลยี AI ที่ขับเคลื่อนด้วย LLM จะช่วยยกระดับการขับเคลื่อนในอนาคตอย่างล้ำลึก เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งหมด” โฆษกของ GWM กล่าว “GWM มุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับ NVIDIA และบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมอื่น ๆ เพื่อมอบความคล่องตัวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและชาญฉลาดยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน”

นอกจากนี้  ZEEKR บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมในเครือ Geely ได้เปิดตัว ZEEKR Luxury Sedan ซึ่งเป็นรุ่นที่สี่ที่ขับเคลื่อนโดย NVIDIA DRIVE Orin โดยมาพร้อมกับระบบการขับขี่อัจฉริยะเต็มรูปแบบใหม่ ซึ่งขับเคลื่อนโดย DRIVE Orin SoC สองตัว เพื่อส่งมอบการจอดรถอัจฉริยะและการทำงานแบบอัตโนมัติบนถนนความเร็วสูงและในเมือง รุ่นต่าง ๆ ของ ZEEKR มีให้เลือกใช้เซ็นเซอร์สองแบบ ได้แก่ Lidar + Vision Fusion และ Pure Vision Navigation, ZEEKR Pilot ซึ่งเป็นฟีเจอร์การนำทางบนทางหลวงจากระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูงภายในบริษัทของ ZEEKR จะพร้อมใช้งานในเมืองใหญ่ ๆ ของจีนเมื่อการส่งมอบเริ่มต้นขึ้น

“ZEEKR ภูมิใจที่ได้ร่วมงานกับ NVIDIA ในด้านนวัตกรรม ความสามารถในการขับขี่อัตโนมัติที่ปลอดภัย” นายเชน ชี (Chen Qi) รองประธานของ ZEEKR กล่าว “ระบบ ADAS ที่พัฒนาโดย ZEEKR Luxury Sedan ใหม่ของ ZEEKR นั้นเกิดขึ้นได้ด้วยแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์รถยนต์ NVIDIA DRIVE ประสิทธิภาพสูงที่ประหยัดพลังงานและมีประสิทธิภาพสูง”

ทางด้าน Xiaomi EV ซึ่งเป็นบริษัทด้านยานยนต์ของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี ได้ประกาศเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของบริษัท นั่นคือ SU7 ซีดาน และใช้แพลตฟอร์ม DRIVE Orin แบบคู่ สำหรับฟังก์ชันการขับขี่บนทางหลวง ด้วยการใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ชั้นนำของเสียวหมี่ในการรับรู้และการตัดสินใจ รถยนต์จะสามารถนำทางผ่านเมืองต่าง ๆ ของจีนได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ในเขตการปกครองภายในประเทศ หรือประเภทของถนน (เช่น ทางหลวงแผ่นดิน ถนนในเมือง ฯลฯ) โดยจะมีให้เลือก 2 เวอร์ชัน : เวอร์ชันแรกมีระยะการขับขี่สูงสุด 415 ไมล์ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และอีกเวอร์ชันมีระยะการเดินทางสูงสุด 497 ไมล์ SU7 จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงครึ่งแรกของปี 2024