มาสด้า นำ Mazda MX-30 e-SKYACTIV R-EV

จัดแสดงในงาน Motor Show 2024

 

มาสด้าเนรมิตบูธจัดแสดงรถยนต์ที่ได้รับการออกแบบใหม่หมด ภายใต้ธีม Love of Cars เพื่อถ่ายทอดความมุ่งมั่นของมาสด้าในการพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์แห่งอนาคตที่กำลังดำเนินไปตามกรอบระยะเวลา ตอบสนองความต้องการของลูกค้าผู้ที่หลงไหลในการขับขี่และรักในรถยนต์ โดยแบ่งโซนจัดแสดงบอกเล่าเรื่องราวที่มีลูกค้าอยู่ในทุกช่วงเวลา และมีรถยนต์มาสด้าเป็นพาร์ทเนอร์ในทุกประสบการณ์ ตอกย้ำการให้ความสำคัญที่มีลูกค้าเป็นหนึ่งในทุกการเติบโต สื่อสารอารมณ์ความรู้สึก ความสนุกสนานในการขับขี่ ความสุขในการใช้ชีวิต และอนาคตที่รถยนต์มีส่วนช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์ได้แบ่งปันความทรงจำที่มีต่อรถยนต์ร่วมกัน เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้าและแบรนด์มาสด้าให้แนบแน่นยิ่งขึ้น พร้อมปลุกตำนานโรตารี่ด้วยการจัดแสดงเทคโนโลยีแห่งอนาคต Mazda MX-30 e-SKYACTIV R-EV ที่ผสานการทำงานร่วมกันระหว่างระบบไฟฟ้ากับเครื่องยนต์โรตารี่ กลายเป็น Plug-in Hybrid ที่ให้ทุกการเดินทางสะดวกสบายและไปได้ไกลกว่า มาให้คนไทยได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด

 

มร. ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปีนี้มาสด้าออกแบบบูธใหม่ทั้งหมด ภายใต้ธีม Love of Cars ได้แรงบันดาลใจจากการมีลูกค้าเป็นส่วนหนึ่งในทุกประสบการณ์ของการเดินทาง เป็นศูนย์รวมความสุขของผู้ที่รักในรถยนต์ โดยแบ่งโซนการจัดแสดงออกเป็น โซนแกลเลอรี่วอลล์ ที่ลูกค้าส่งภาพความประทับใจกับรถยนต์คันโปรด You and Mazda Moments ถ่ายทอดประสบการณ์ความสุขในทุกช่วงเวลาของลูกค้า ซึ่งเป็นปณิธานที่เรามุ่งหวังและตั้งใจที่จะส่งมอบให้กับลูกค้าทุกคน และยังได้รับการสนับสนุนจากผู้ที่รักในรถยนต์ “The Memorable Love of Cars” เสียสละรถโมเดลผ่านทางมาสด้า เพื่อส่งต่อให้กับเด็ก ๆ เยาวชนที่ขาดแคลน ซึ่งมีผู้สละเข้ามามากกว่า 500 คัน และมาสด้าเพิ่มเติมอีก 1,000 คัน โดยจะเร่งส่งต่อรถโมเดลเหล่านี้ให้ถึงมือเด็ก ๆ โดยเร็วที่สุด

ส่วนไฮไลท์สำคัญ คือ การจัดแสดงเทคโนโลยี Multi-Solution มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ส่งมอบเทคโนโลยีที่มีความหลากหลายและมีความเหมาะสมในแต่ละภูมิภาค เพิ่มทางเลือกให้กับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้า ในยุคที่กำลังเปลี่ยนผ่านจากพลังงานเชื้อเพลิงไปสู่พลังงานไฟฟ้า หลายคนคงจดจำเครื่องยนต์โรตารี่ สัญลักษณ์แห่งการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค และความคิดสร้างสรรค์ นี่คือหนึ่งใน Multi-Solution เทคโนโลยีแห่งอนาคตจากมาสด้า การนำเทคโนโลยี e-SKYACTIV R-EV มาใช้กับรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ เป็นการปลุกฟื้นคืนชีพตำนานเครื่องยนต์โรตารี่ ต้นกำเนิดรถสปอร์ตมาสด้าหลากหลายรุ่นในอดีต ที่ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงปัจจุบันกลายเป็นดีเอ็นเอสายพันธุ์สปอร์ตที่ทั่วโลกให้การยอมรับ

 

หัวใจหลักสำคัญของการพัฒนา MAZDA MX-30 e-SKYACTIV R-EV คือเครื่องยนต์โรตารี่ทำหน้าที่ปั่นกระแสไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ เครื่องยนต์ขนาด 830 ซีซี เล็กกว่าเครื่องยนต์ลูกสูบทั่วไปที่ให้กำลังใกล้เคียงกัน ให้พละกำลังสูงสุดถึง 170 แรงม้า ที่ 9,000 รอบต่อนาที ลูกสูบหมุน 1 โรเตอร์ ทำจากวัสดุอลูมิเนียม น้ำหนักเบาเพียง 15 กก. ประกอบกับแบตเตอรี่ลิเที่ยมไอออนขนาด 17.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง เมื่อวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียวได้ระยะไกลถึง 85 กิโลเมตร ที่เกิดจากจากการชาร์จเพียงครั้งเดียว ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในเมือง และเมื่อได้รับการปั่นเป็นพลังงานไฟฟ้ากลับเข้ามาจากเครื่องยนต์โรตารี่จะทำให้เพิ่มระยะทางในการขับขี่ได้ไกลกว่า 600 กิโลเมตร ทำให้ลูกค้าไม่ต้องกังวลกับการเดินทางไกลเพื่อออกไปหาประสบการณ์ใหม่ในการดำเนินชีวิต ซึ่งเกิดจากประสิทธิภาพของเครื่องยนต์โรตารี่ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงขนาดถัง 50 ลิตร มาผสานการทำงานของระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวขยายระยะทางในการขับขี่ กลายเป็นเทคโนโลยี ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ที่สมบูรณ์แบบที่มีต้นกำเนิดจากการทำงานของเครื่องยนต์โรตารี่ อันเกิดจาก "จิตวิญญาณแห่งความท้าทาย” หรือ “Challenger Spirit” อันมีเอกลักษณ์เฉพาะของมาสด้า

 

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า รถยนต์มาสด้าทุกรุ่นที่นำมาจัดแสดงภายในงานฯ ล้วนเป็นยนตรกรรมได้รับการถ่ายทอดปรัชญาของมาสด้า เพื่อยกระดับประสบการณ์ความสุขในทุกการขับขี่ และการใช้ชีวิตประจำวันในทุก ๆ ด้านให้กับลูกค้าทุกคน ซึ่งรวมถึง การนำ NEW MAZDA MX-5 รถสปอร์ตโรดสเตอร์แบรนด์ไอคอนยอดนิยม ที่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงใหม่ด้วยการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ล้ำสมัย กับเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกในด้านการเชื่อมต่อ และเทคโนโลยีในการขับขี่ เพื่อถ่ายทอดปรัชญา จินบะ-อิตไต (Jinba-Ittai) ให้โดดเด่นสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ซึ่งผู้ขับขี่จะสามารถสัมผัสได้ถึงอัตราเร่ง และการควบคุมพวงมาลัยที่ตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยม ฉับไว ไม่ว่าจะขับรถในเมือง ทางโค้ง หรือขับในสนามแข่ง

โดยเฉพาะในระบบเกียร์แมนนวลที่มาพร้อม DSC-TRACK ซึ่งเป็นระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ (Dynamic Stability Control: DSC) ใหม่ ที่ใส่เพิ่มเติมเข้าในรถรุ่นนี้ เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้เหมือนกับการขับรถแข่งในสนามแข่ง โดยระบบจะยอมให้เกิด Understeer หรือ Oversteer เพียงเล็กน้อย และระบบจะเข้ามาช่วยเหลือในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถควบคุมรถได้ หรือก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์รถหมุนเท่านั้น เพื่อช่วยควบคุมรถเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน จึงสามารถมอบความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น และขับขี่ได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ตอกย้ำถึงแนวทางในการพัฒนารถยนต์ของมาสด้าได้เป็นอย่างดี ในด้านการยกระดับคุณค่าประสบการณ์ของลูกค้าให้ครบทุกมิติ วางราคาจำหน่าย 3,029,000 บาท ดอกเบี้ย 2.49% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปีฟรี โปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS) ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี และฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี

 

นอกจากนี้ มาสด้ายังนำรถปิกอัพที่เปิดตัวเมื่อเร็ว ๆ นี้ มาจัดแสดงเป็นครั้งแรก New Mazda BT-50 พร้อม...ให้คุณออกนำทุกเส้นทาง ภายใต้แนวคิดการออกแบบ Kodo : Soul of Motion โดยได้รับแรงบันดาลใจจากสุนทรียศาสตร์แบบญี่ปุ่น ที่เน้นความเรียบง่ายแต่งดงาม เช่นเดียวกับรถยนต์นั่งและรถอเนกประสงค์เอสยูวี มาสด้านำเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร เทอร์โบ 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร ลงในรุ่นขับสองยกสูง Hi-Racer ทั้งรุ่นฟรีสไตล์แค็บและดับเบิ้ลแค็บ 4 ประตู มาพร้อมสีใหม่ สีเทา ร็อค เกรย์ กระจังหน้า Signature Wing และชุดกันชนหน้าสีดำเงา ล้ออัลอยด์ 18 นิ้ว ภายในเบาะหนังทูโทนสีน้ำตาล-ดำ ติดตั้ง Sport Paddle Shift พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ACC แบบ Stop & Go เปิดราคาจำหน่ายเริ่มต้น 7 แสนกว่าบาท

สำหรับมาสด้า บีที-50 ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 6 รุ่นย่อย รุ่นฟรีสไตล์แคป ขับเคลื่อน 2 ล้อ แบบยกสูง (FSC Hi-Racer) และรุ่นดับเบิ้ลแคป ขับเคลื่อน 2 ล้อ แบบยกสูง (DBL Hi-Racer) มีการติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร เป็นครั้งแรก เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนาน เร้าใจ กับอัตราเร่งและการออกตัวที่ดีเยี่ยม ตอบสนองทุกการขับขี่กับระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Sport Paddle Shift) และในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ยังมาพร้อมระบบ Rough Terrain Mode ที่ติดตั้งมาใหม่ และระบบ Electronic Diff-Lock ที่เฟืองท้าย ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในเส้นทางขับขี่แบบออฟโร้ด ในขณะที่ราคาเป็นเจ้าของได้ง่ายมากขึ้นเริ่มต้นเพียง 752,000 บาท ดอกเบี้ยต่ำเพียง 0.99% ผ่อนนาน 48 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง ที่สำคัญสำหรับครอบครัวมาสด้ารับฟรีบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 30,000 บาท

 

 

อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของมาสด้า คือการจัดแสดง New Mazda6 20th Anniversary Edition รถสปอร์ตซีดานระดับไฮเอนด์ ที่เปิดให้ลูกค้าจองแล้ววันนี้ในจำนวนจำกัดเพียง 100 คัน ในประเทศไทยเท่านั้น ด้วยราคาจำหน่าย 2.499 ล้านบาท ดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 48 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 7 ปี Mazda Ultimate Service (MUS) ขยายการรับประกันคุณภาพนานสูงสุด 7 ปี ฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 7 ปี สำหรับครอบครัวมาสด้ารับฟรีบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 30,000 บาท รวมถึงสิทธิพิเศษอีกมากมายที่ทางมาสด้าเตรียมไว้ให้กับลูกค้า 100 ท่าน ที่เป็นเจ้าของรถยนต์รุ่นนี้ในประเทศไทย

นอกจากนี้ มาสด้ายังได้นำยนตรกรรมทุกรุ่นมาจัดแสดงให้ลูกค้าได้สัมผัสและเป็นเจ้าของด้วยเงื่อนไขสุดพิเศษ ครั้งแรกและครั้งเดียวในรอบปี ทั้งรถยนต์นั่ง Mazda2 ทั้งรุ่นซีดานและแฮตช์แบ็ค รับส่วนลดสูงสุดถึง 100,000 บาท Mazda3 ทั้งซีดานและฟาสแบ็ค รับส่วนลดสูงสุด 120,000 บาท รวมถึงรถยนต์ครอสโอเวอร์เอสยูวีตระกูล CX-Series ประกอบด้วย Mazda CX-3 รับส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท Mazda CX-30 รับส่วนลดสูงสุด 120,000 บาท Mazda CX-5 รับส่วนลดสูงสุด 110,000 บาท และ Mazda CX-8 รับส่วนลดสูงสุด 80,000 บาท มาจัดแสดงให้ลูกค้าได้สัมผัสกันครบทุกรุ่น พร้อมมอบข้อเสนอสุดพิเศษภายในงานฯ อาทิ ดอกเบี้ยต่ำสุด 0% ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี และฟรีประกันภัยชั้น 1 ฟรีเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ SHARP รุ่น IG-NX2B มูลค่า 2,890 บาท และพิเศษสุดขึ้นไปอีกขั้นสำหรับเจ้าของรถยนต์มาสด้าและครอบครัว เมื่อออกรถใหม่ รับฟรีบัตรน้ำมันมูลค่าสูงสุด 30,000 บาท ทั้งภายในงานฯ และที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ หมดเขตถึงวันที่ 7 เมษายน 2567 นี้เท่านั้น โอกาสทองของลูกค้าที่จะได้เป็นเจ้าของรถยนต์สายพันธุ์สปอร์ตจากมาสด้า

ทั้งนี้ มาสด้าจะยังคงเดินหน้าในการส่งมอบ “ความสุขในการขับขี่" Joy of Driving ต่อไป ภายใต้คุณค่าหลักที่ให้ความสำคัญกับการมุ่งเน้น "มนุษย์เป็นศูนย์กลาง" และมุ่งมั่นที่จะส่งมอบ "ความสุขในการดำเนินชีวิต" ด้วยการสร้างสรรค์ประสบการณ์ความสุขให้กับชีวิตประจำวันของลูกค้าทุกคน